นักดาราศาสตร์ คริสเตียน ไฮเกนส์

คริสเตียน ไฮเกนส์





ไฮเกนส์เป็นนักคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ชาวดัทซ์ เกิดเมื่อ 14 เมษายน 1629 ณ เมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ บิดาของไฮเกนส์เป็นถึงข้าราชการระดับสูงของเนเธอร์แลนด์

วัยเยาว์ และวัยหนุ่ม
จากการที่บิดารับราชการในระดับสูง ฐานะของครอบครัวไฮเกนส์จึงอยู่ในระดับที่มั่งคั่ง โดยในวัยเยาว์ไฮเกนส์ได้รับการศึกษาอย่างเป็นส่วนตัว ณ ที่บ้านพัก ซึ่งสอนโดยบิดาของเขาและคุณครูส่วนตัว จากนั้นในปี 1645 เมื่ออายุได้ 16 ปี ไฮเกนส์เข้าศึกษาสาขาวิชากฎหมายและคณิตศาสตร์ที่เมืองไลเดนและต่อมาในปี 1947 ได้เข้าศึกษาสาขาวิชากฎหมาย ณ วิทยาลัยกฎหมายแห่งเมืองเบรดา โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาวิชากฎหมายในปี 1655 จากนั้นไฮเกนส์ได้หันเหความสนใจในวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น

ค้นพบดวงจันทร์ไททัน
จากการที่ไฮเกนส์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแอนโทนี แวน ลีเวนฮุค ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ที่ดีที่สุดในยุคนั้น ลีเวนฮุคมีความสามารถเก่งมากในเรื่องการลับและตัดเลนส์ จากการสังเกตและเฝ้าดูการทำงานของลีเวนฮุค ไฮเกนส์ได้ทำการลับเลนส์เพื่อสร้างกล้องโทรทรรศน์สำหรับดูดาวขึ้น จากกล้องโทรทรรศน์ที่ไฮเกนส์ประดิษฐ์ขึ้น ไฮเกนส์ค้นพบดวงจันทร์ไททันของดาวเสาร์ในปี 1655

ดังที่เราทราบมาแล้วว่า ได้มีโครงการชื่อ แคสซีนี-ไฮเกนส์ ซึ่งส่งยานสำรวจไปยังดาวเสาร์ ทั้งนี้ยานสำรวจลูกที่ปฏิบัติภารกิจร่อนลงบนดวงจันทร์ไททันของดาวเสาร์ถูกตั้งชื่อว่ายานสำรวจไฮเกนส์


ไททันดวงจันทร์ของดาวเสาร์
ที่มา
http://www.surveyor.in-berlin.de/himmel/Bios/Huygens-e.html


ยานสำรวจแคสซีนี-ไฮเกนส์
ที่มา
http://www.angryhippy.net/images/Cassini_Huygens2.jpg


ยานสำรวจไฮเกนส์
ที่มา
http://huygens.esa.int/science-e/www/area/index.cfm?fareaid=12

นอกจากนี้ไฮเกนส์ยังได้อธิบายถึงวงแหวนของดาวเสาร์ได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โดยในปี 1656 ไฮเกนส์ได้ค้นพบว่าวงแหวนเหล่านั้นประกอบไปด้วยก้อนหิน ไฮเกนส์ยังได้ค้นพบว่าวงแหวนดังกล่าวไม่ได้เชื่อมต่อใดๆกับตัวของดาวเสาร์เลย โดยไฮเกนส์ได้บันทึกผลการสังเกตการณ์ดาวเสาร์ของเขาไว้ใน Systema Saturnium ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1959

Systema Saturnium
ที่มา
http://www.sil.si.edu/DigitalCollections/HST/Huygens/

ภาพสเก็ตเกี่ยวกับดาวเสาร์ที่ปรากฏในผลงานที่ชื่อว่า Systema Saturnium
ที่มา
http://www.surveyor.in-berlin.de/himmel/Bios/Huygens-e.html

ในปีเดียวกัน ไฮเกนส์ได้สเก็ตภาพของเนบิวลานายพราน (orion nebula) และทำการแผนที่ดาวภายในเนบิวลาดังกล่าว

เนบิวลา (nebula) : เนบิวลา เป็นกลุ่มแก๊สและฝุ่นละอองอวกาศ แบ่งเป็นชนิดต่างๆ ตามสมบัติทางแสงได้เป็นเนบิวลาเรืองแสง เนบิวลาสะท้อนแสง และเนบิวลามืด

เนบิวลานายพราน (orion nebula) : เนบิวลานายพรานเป็นเนบิวลาชนิดเรืองแสงจากกลุ่มดาวนายพรานซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 400 พาร์เซก โดยเราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ที่มา : พจนานุกรมศัพท์ดาราศาสตร์ อังกฤษ-ไทย, สมาคมดาราศาสตร์ไทย, 2548


จากการใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไฮเกนส์ประสบความสำเร็จในการแบ่งเนบิวลาออกเป็นดาวที่ต่างกัน เพื่อเป็นเกียรติให้กับไฮเกนส์ ส่วนที่สว่างที่สุดซึ่งอยู่ภายในของเนบิวลานายพรานได้ถูกเรียกว่า "บริเวณไฮเกนส์" นอกจากนี้ ไฮเกนส์ได้ค้นพบเนบิวลาระหว่างดาว ( interstellar nebulae) และดาวคู่ (double star) ในด้านกลศาสตร์การเคลื่อนที่ ไฮเกนส์ได้จัดรูปสมการการเคลื่อนที่กฎข้อที่สองของนิวตันในรูปแบบพีชคณิตที่มีกำลังสอง


บริเวณไฮเกนส์
ที่มา
http://www.koenvangorp.be/deepsky/nebulae.html

ประดิษฐ์นาฬิกาที่เที่ยงตรง
ความแม่นยำทางเวลาหรือนาฬิกาถือได้ว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมากในทางดาราศาสตร์ ไฮเกนส์ได้วิจัยและพัฒนาสร้างนาฬิกาที่มีความแม่นยำสำหรับการนำร่องทางเรือ ซึ่งถูกนำไปประยุกต์ใช้ในทางดาราศาสตร์ โดยในปี 1658 ไฮเกนส์ได้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ชื่อ Horologium ซึ่งจากข้อเท็จจริงแล้ว ไฮเกนส์ได้ประดิษฐ์นาฬิกาเพนดูลัม(ลูกตุ้ม)ได้ในวันคริสมาสต์ปี 1656 ซึ่งถือได้ว่าการประดิษฐ์ดังกล่าวเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของการรักษามาตรฐานเวลา โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าเฟืองเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รักษาอัตราการเดินของนาฬิกาและถือได้ว่าเป็นการพัฒนาขั้นสำคัญในการสร้างนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง


นาฬิกาลูกตุ้มที่คิดค้นโดยไฮเกนส์
ที่มา
http://www.sciencemuseum.org.uk/images/I010/10239953.aspx

ทั้งนี้หลังจากที่ได้ตีพิมพ์ผลงานดังกล่าว ไฮเกนส์ได้ค้นพบว่าไซคอยด์ (cycloid) สามารถประยุกต์กับนาฬิกาเพนดูลัมในรูปแบบสปริงเกลียวซึ่งช่วยให้ส่วนแขวนของเพนดูลัมมีความยืดหยุ่น โดยผลที่ได้จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าการแกว่งของเพนดูลัมเป็นจังหวะสม่ำเสมอโดยไม่ต้องคำนึงถึงขนาด (amplitude) ของการแกว่ง ทั้งนี้สมการทางคณิตศาสตร์และรายละเอียดเชิงปฏิบัติได้ถูกตีพิมพ์ใน Horologium Oscillatorium ปี 1673


ไซคอยด์
ที่มา
http://www.physics.brown.edu/physics/demopages/Demo/solids/demos/1d1550.jpg


ที่มา ที่มา http://restoration.typepad.com/photos/uncategorized/2008/03/27/cv_huygensx.jpg
ไฮเกนส์ได้สังเกตเพนดูลัมสองชุดที่ติดตั้งบนไม้คานเดียวกัน โดยไฮเกนส์จัดการทดลองให้ลูกตุ้มเพนดูลัมทั้งสองแกว่งสลับในทิศทางตรงกันข้าม จากการสังเกตการณ์ของไฮเกนส์ เขาได้กล่าวอ้างถึงปรากฏการณ์ที่ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า เรโซแนนซ์

มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความเป็นนักประดิษฐ์ของไฮเกนส์ ซึ่งมีการกล่าวถึงอย่างแพร่หลายโดยเชื่อว่าไฮเกนส์ไม่ใช่ช่างทำนาฬิกา และไม่เคยทำนาฬิกาด้วยตัวเขาเอง โดยมีการกล่าวว่าไฮเกนส์เป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ ทั้งนี้นาฬิกาลูกตุ้มที่เก่าแก่ที่สุดถูกสร้างขึ้นโดย Salomon Coster ก็ได้รับใบอนุญาตจากไฮเกนส์ เราสามารถชมนาฬิการูปแบบลูกตุ้มเพนดูลัมยุค 1657 ที่คิดค้นโดยไฮเกนส์ได้ที่พิพิธภัณฑ์บอร์ฮาวีที่เมืองไลเดน

นอกจากนี้ ไฮเกนส์ได้พัฒนานาฬิกาที่ใช้สปริง ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่โรเบิร์ต ฮุก นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษประดิษฐ์นาฬิกาดังกล่าวได้ โดยมีข้อโต้เถียงระหว่างทั้งสองฝ่ายว่าใครเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นได้ก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 ที่ผ่านมา ได้มีการค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญซึ่งสูญหายเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยหลักฐานดังกล่าวเป็นลายมือของฮุกซึ่งได้ระบุถึงการประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาสปริงของฮุก จากหลักฐานดังกล่าว ทำให้นักประวัติศาสตร์ให้เกียรติแก่โรเบิร์ต ฮุก ว่าเป็นผู้ประดิษฐ์นาฬิกาสปริงได้ก่อน อย่างไรก็ตามก็มิได้หมายความว่าการประดิษฐ์คิดค้นของไฮเกนส์จะไร้ประโยชน์เลยทีเดียว อย่างน้อยไฮเกนส์ก็ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นด้วยตัวเขาเอง

ทำงานด้านดาราศาสตร์ให้ราชสำนักฝรั่งเศส สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
โรยัล โซไซตี้ (Royal Society) สมาคมทางวิทยาศาสตร์อันโด่งดังของอังกฤษได้เลือกให้ไฮเกนส์เข้าเป็นสมาชิกในปี 1663 และในปี 1666 ไฮเกนส์ได้ย้ายไปพำนักที่กรุงปารีสโดยทำงานให้กับสถาบันวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ของฝรั่งเศส (French Academy of Sciences) ซึ่งอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยใช้หอดูดาว ณ กรุงปารีส (สร้างเสร็จเมื่อปี 1672)

อาคารโรยัล โซไซตี้
ที่มา
http://www.vladounet.com/
หอดูดาวกรุงปารีส
ที่มา
http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Observatory
ไฮเกนส์ได้ทำงานร่วมกับแคสซีนีในการสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 1684 ไฮเกนส์ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ "Astroscopia Compendiaria" ซึ่งอธิบายกล้องโทรทรรศน์รุ่นใหม่ที่ไม่มีลำกล้อง

หนังสือ Astroscopia Compendiaria
ที่มา
http://www.phys.uu.nl/
กล้องโทรทรรศน์ไร้ลำกล้อง
ที่มา
http://www.astrosurf.com/re/king_055.jpg
จินตนาการทางวิทยาศาสตร์
ไฮเกนส์ได้วาดฝันเกี่ยวกับชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นไว้ในหนังสือชื่อ Cosmotheoros ซึ่งต่อมาใช้ชื่อว่า celestial worlds discover'd: or, conjectures concerning the inhabitants, plants and productions of the worlds in the planets โดยไฮเกนส์ได้จินตนาการว่าจักรวาลเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีการใช้ชีวิตตล้ายกับยุคทศวรรษที่ 17 บนพื้นโลก ซึ่งบรรยากาศการปกครองในเนเธอร์แลนด์ ณ เวลานั้นไม่เพียงแต่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นแต่ยังสนับสนุนการวาดฝันหรือจินตนาการทางวิทยาศาสตร์


หนังสือ Cosmotheoros
ที่มา
http://www.phys.uu.nl/~huygens/cosmotheoros_en.htm

ช่วงท้ายของชีวิต
ในปี 1681 ไฮเกนส์ได้ย้ายกลับไปยังกรุงเฮกเนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง ในปี 1695 เขาพยายามที่กลับไปยังฝรั่งเศสแต่เหตุการณ์จลาจลในฝรั่งเศสทำให้การย้ายของเขาต้องหยุดชงักลง ไฮเกนส์เสียชีวิตลงด้วยวัย 66 ปี ณ กรุงเฮก ในวันที่ 8 กรกฎาคม 1695

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น